ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตามองมากในขณะนี้ เพราะทาง BBC ได้มีการรายงานว่า ธารน้ำแข็งหลายพันสายในประเทศจีน กำลังจะละลายหายไป เพราะโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพภูมิอากาศ โดยภาพนี้เป็นภาพถ่ายมุมสูงจากโดรน ซึ่งเผยให้เห็นว่า ธารน้ำแข็งหลายพันสายในเทือกเขาฉีเหลียน ที่ตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน กำลังจะละลายหายไปเนื่องจากสภาพอากาศที่มีการแปรปรวนอย่างหนัก โดยเทือกเขาฉีเหลียนตั้งอยู่ในเขตรอยต่อระหว่างมณฑลกานซูกับมณฑลชิงไห่ มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 4,000 เมตร และมีธารน้ำแข็งรวมแล้วกว่า 3,000 สาย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า ธารน้ำแข็งคดเคี้ยวที่มีความยาวราว 800 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่หลงเหลือมาจากยุคน้ำแข็ง แต่ในขณะนี้เริ่มละลายหายไปทีละน้อย และมีโอกาสที่ธารน้ำแข็งเหล่านี้จะละลายหายไปตลอดกาล โดยผลการสำรวจของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีการระบุเอาไว้ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของท้องถิ่นจะสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ทศตวรรษที่ 1950 และทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์ประเทศจีน ได้เฝ้าดูตำแหน่งการละลายและถอยร่นของธารน้ำแข็ง ซึ่งธารน้ำแข็งมีการถอยร่นมากกว่า 150 เมตร ถือเป็นการหดตัวที่เล็กลงในอัตราความเร็วที่น่าตกใจ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้น้ำแข็งที่ละลายได้ไหลลงสู่พื้นเบื้องล่างเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันที่ประเทศไอซ์แลนด์ น้ำแข็งปริมาณมหาศาลก็กำลังจะละลายหายไปจากธารน้ำแข็งแห่งใหญ่หลายแห่ง ซึ่งภาพด้านบนเป็นภาพเปรียบเทียบของธารน้ำแข็งในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1980 กับปัจจุบัน ซึ่งทางทีมงานจากมหาวิทยาลัยดันดี ของสกอตแลนด์ และมหาวิทยาลัยไอซ์แลนด์ได้ทำชุดภาพเปรียบเทียบความแตกต่างของธารน้ำแข็งใน 2 ยุค […]
Author: Bianca
ชนเผ่าชูมาช อดีตใช้ดอกลำโพงเป็นสารประสาทหลอนในพิธีกรรม
เชื่อได้เลยว่าหลายคนคงต้องคุ้นกับสัญลักษณ์สีแดงที่ปรากฏบนเพดานของ ‘ถ้ำกังกัน’ (Pinwheel Cave) ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างแน่นอน ซึ่งหลายคนคงจะกำลังจินตนาการว่ามันเป็นกังหันสีแดงที่คล้ายกับการกำลังหมุนอยู่ แต่สิ่งนี้อาจจะไม่ใช่กังหันแบบที่คุณคิดอีกต่อไป เพราะมันเป็นรูปของดอกลำโพงขณะที่กำลังแย้มบาน และดอกลำโพงนี้ถือเป็นดอกไม้ชนิดที่ใช้เป็นสารหลอนประสาทในพิธีกรรมบางอย่างชองชนพื้นเมืองอเมริกันมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 16 ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา และในสหราชอาณาจักร ได้มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาข้างต้นในวารสาร PNAS ฉบับล่าสุด โดยชี้ว่าได้มีการพบหลักฐานที่ชนเผ่าชูมาช ที่ได้มีการใช้ดอกลำโพง หรือ Datura wrightli หลอนประสาทผู้คนให้เกิดอาการมึนเมาและตกอยู่ในภวังค์ ขณะกำลังประกอบพิธีเปลี่ยนผ่านวัยเด็กเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัว ซึ่งจากการศึกษานั้นได้มีการพบกากของดอกลำโพงในลักษณะที่ผ่านการถูกเคี้ยวแล้วคายออกมา แปะอยู่ใกล้กับสัญลักษณ์รูปกังหันบนเพดานถ้ำหลายชิ้น โดยซากดอกไม้เหล่านี้มีอายุเก่าแก่เกือบ 500 ปี ที่ยังคงหลงเหลืออยู่เป็นก้อนลักษณะคล้าย ๆ กับหมากฝรั่ง ที่มีร่องรอยของรอยฟันและส่วนประกอบของน้ำลายปะปนอยู่ด้วย นอกจากนี้แล้วในผลการวิเคราะห์ยังพบว่ามีสารที่เป็นยาหลอนประสาทชนิด ‘สโคโปลามีน’ และ ‘อะโทรพีน’ ซึ่งพบว่ามันอยู่ฝนดอกลำโพง ทำให้ทีมผู้วิจัยได้ชี้ว่านี่คือหลักฐานโดยตรงชิ้นแรกของโลก สำหรับการบริโภคหรือการนำเอาสารหลอนประสาทเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ที่ชัดเจนที่สุดในยุคโบราณ และยังเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญชิ้นแรก เพราะมันถูกพบในโบราณสถานซึ่งมีร่องรอยงานศิลปะบนก้อนหินอีกด้วย นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยเซนทรัลแลงคาเชียร์ของสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นผู้นำทีมวิจัย ‘ดร.เดวิด โรบินสัน’ ได้บอกว่า จากหลักฐานที่ค้นพบเพิ่มเติม สามารถทำให้มั่นใจได้ว่าสัญลักษณ์รูปกังหันที่วาดด้วยดินแดงนั้น ไม่ได้สื่อความหมายถึงกังหันลมหรือสัญลักษณ์ทางนามธรรมที่วาดขึ้นจากภาพหลอนที่เห็นในขณะที่หลอนจากสารเสพติดแต่อย่างใด แต่นี่คือสัญลักษณ์ที่มีการสื่อความหมายของดอกลำโพงตอนกำลังแย้มบานในช่วงเช้าตรู่และช่วงพลบค่ำเพื่อผสมเกสรอย่างตรงตัว ซึ่งในช่วงเวลาที่กล่าวมานี้มีลักษณะรูปทรงคล้ายคลึงกับกังหันลมอย่างมาก อีกทั้ง ชนเผ่าชูมาชยังได้ใช้ดอกลำโพงเป็นยารักษาโรคหลายชนิด รวมไปถึงใช้เป็นเครื่องรางในการขจัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ป้องกันภูตผีปีศาจ และใช้ในการทำนายโชคชะอีกด้วย และยังมีการคาดการณ์ว่าสัญลักษณ์บนเพดานถ้ำกังหัน […]
ข่าวดี! อินเดียพร้อมขยายโครงการผลิตวัคซีคโควิด-19 ไปยังประเทศอื่น ๆ
อย่างที่ทราบกันว่าในตอนนี้ประเทศอินเดียคือ 1 ใน 3 ของประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในโลก องค์กรใหญ่ในอินเดียจึงได้ร่วมมือกันทดลองวัคซีนสำหรับป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยตอนนี้วัคซีนชุดแรกจะผ่านการอนุมัติและได้มีการผลิตออกมาใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว เนื่องจากผลการทดลองระยะสุดท้ายของหลาย ๆ บริษัทได้ผลดีเกิดคาด เช่น 2 บริษัทหุ้นส่วน อย่าง สหรัฐฯ-เยอรมนี ‘ไฟเซอร์และไบโอเอเทค’ ได้ประสิทธิภาพสูงสุดถึง 94.5% และตอนนี้ก็กำลังรอการอนุมัติฉุกเฉิน จากทางการสหรัฐเพื่อใช้สำหรับการฉีดรักษา และช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศ 3 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย บังกลาเทศ และเมียนมา ได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในเรื่องการร่วมมือกันผลิต จัดสรร และจัดส่งวัคซีนต้านโควิด-19 โดยงานนี้ประเทศอินเดียจะเป็นแกนนำหลักของโครงการ ในฐานะประเทศที่มีความพร้อมมากที่สุด ทั้งในด้านเทคโนโลยีการแพทย์ และเงินสำหรับการลงทุน ซึ่งช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็ได้มีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม 2 แห่ง ที่บังกลาเทศและเมียนมา โดยมีทั้งนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณธสุขเข้าร่วมประมาณ 90 คน ซึ่งประเทศอินเดียเป็นประเทศที่ผลิตวัคซีนได้มากกว่า 60% ของทั่วโลก ฉะนั้น ประเทศอินเดียจึงมีความพร้อมที่จะผลิตวัคซีนโควิด-19 ขนานใหญ่ หลังผ่านการอนุมัติตามมาตรฐานสากล และประเทศอินเดียก็ได้เดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น บังกลาเทศ เมียนมา […]
เทคนิคส่องมัมมี่โบราณแบบไม่ต้องเปิดออก ด้วยซีทีสแกนและรังสีเอกซ์
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา CNN ได้มีการรายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นเทคนิคใหม่ที่ช่วยไขเบาะแสเกี่ยวกับมัมมี่อียิปต์ในยุคโรมัน ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 1,900 ปี ที่มีการค้นพบในเขตโบราณสถานฮาวาราของประเทศอียิปต์ โดยเทคนิคนี้ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ ซีที (Computed tomography:CT) และการเลี้ยวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffraction) จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องแตะต้องหรือเปิดโบราณวัตถุออกแต่อย่างใด ซึ่งเทคนิคพิเศษนี้จะมีความแตกต่างจากการใช้รังสีเอกซ์ถ่ายภาพโดยไม่ล้วงล้ำเข้าสู่มัมมี่เหมือนที่ผ่านมา ในวารสารวิทยาศาสตร์ราชสมาคม (Journal of the Royal Society) ของประเทศอังกฤษได้มีการตีพิมพ์การค้นพบดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นของคณะนักวิจัยอเมริกันจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ร่วมกันกับห้องปฏิบัติการแห่งชาติอาร์กอนน์ และมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเมโทรโพลิแทนเดนเวอร์ ได้มีการอธิบายการใช้งานร่วมกันระหว่างซีทีสแกนและการเลี้ยวเบนของรังสีเอกซ์ โดยนักวิจัยจากโรงเรียนการแพทย์ไฟน์เบิร์ก มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ‘สจ๊วต สต๊อก’ ซึ่งเป็นผู้นำในการเขียนการศึกษานี้ ได้กล่าว่า ผู้เชี่ยวชาญใช้ลำแสงรังสีเอกซ์ ที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นมนุษย์ ส่องเข้าไปในมัมมี่ ที่ได้มีการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเด็กหญิงวัย 5 ขวบ เพื่อระบุวัตถุภายในห่อผ้าของโบราณวัตถุ และได้ใช้ซีทีสแกนสร้างแผนผังส่วนประกอบของมัมมี่ ซึ่งรังสีเอกซ์ช่วยให้คณะนักวิจัยได้สิ่งที่มีลักษณะเหมือนกับลายนิ้วมือ ที่มีลักษณะเฉพาะของวัตถุโบราณ และพบแคลเซียมคาร์บอเนตบริสุทธิ์มาก ๆ ในมัมมี่ […]
หนุ่มอินโดสุดช้ำ ไม่ได้เงิน 56 ล้านบาท จากอุกกาบาตตามที่คาดเอาไว้!
ทุกคนเคยวาดความฝันไว้หรือไม่คะ ว่าวันนึงจะมีโชคใหญ่หล่นลงมาทับบ้านของเราจริง ๆ โดยเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นแล้วกับหนุ่มทำโลงศพชาวอินโดนีเซีย วัย 33 ปี เขามีชื่อว่า ‘โจชัว ฮุทากาลุง’ อาศัยอยู่ในทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา โดยเขาเล่าว่าขณะที่กำลังต่อโลงศพอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีหินอุกกาบาตพุ่งทะยานลงมาที่ระเบียงห้องนั่งเล่น โดยหินนั้นมีมูลค่ามากถึง 56 ล้านบาท แต่นั่นกลับกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด ซึ่งล่าสุด หนุ่มอินโดฯคนนี้ ได้ออกมาบอกกับหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ของมาเลเซียว่า ตอนนั้นเขาได้ขายมันไปแค่ 200 ล้านรูเปียห์หรือประมาณ 14,000 ดอลลาร์ (เทียบกับเงินไทยประมาณ 425,782 บาท) โดยย้อนไปเมื่อเหตุการณ์อุกกาบาตตกในครั้งนี้ จะอยู่ในช่วงราว ๆ เดือนสิงหาคม ซึ่งขณะนั้นทั่วโลกได้หยุดชะงักการเดินทางเพราะสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก ‘จาเร็ด คอลลินส์’ ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในอินโดนีเซีย ได้รับการติดต่อจากนักสะสมที่หลงใหลอุกกาบาตในสหรัฐฯ ให้เดินทางไปติดต่อซื้อกับโจชัว เมื่อคอลลินส์เดินทางไปถึงก็ตกลงซื้อขายกันด้วยความยุติธรรม และเมื่อไม่นานนักข่าวก็เริ่มตีมูลค่าของอุกกาบาตชิ้นนั้นในตัวเลขที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้โจชัวออกมาแสดงความไม่พอใจต่อสื่อ และเกิดความรู้สึกว่าถูกโกง เพราะหลายสื่อระบุว่าเขาจะได้เงินจำนวน 56 ล้านบาทจากอุกกาบาตดังกล่าว ลอเรนซ์ การ์วี ศาสตราจารย์ผู้วิจัยด้านการสำรวจโลกและอวกาศ แห่งมหาวิทยาลัยแอริโซนา ได้กล่าวกับสำนักข่าว BBC ว่า […]
โควิด-19 ในเกาหลีใต้พุ่งรอบใหม่ เตรียมยกระดับคุมเข้มอีกรอบ!
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นสถานการณ์ที่ต้องจับตามองเป็นอย่างมาก ซึ่งสถานการณ์นี้ได้ส่งผลอย่างหนักในช่วงราว ๆ ต้นปี 2563 กระทั่งตอนนี้ระยะเวลาร่วมกว่า 11 เดือน สถานการณ์โควิด-19 จากทั่วโลกก็ยังคงมีการติดเชื้ออยู่ เพราะอัตราของผู้ติดเชื้อในแต่ละวันก็ยังไม่มีท่าทีจะเบาบางลง ยิ่งในเมืองใหญ่ ๆ ที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น เช่น ประเทศอินเดีย สหรัฐฯ บราซิล ฯลฯ ด้วยแล้ว จำนวนของผู้ติดเชื้อก็ยังมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และอีกหนึ่งประเทศท่องเที่ยวที่น่าเป็นห่วงมากในช่วงนี้ ก็คือประเทศเกาหลีใต้ โดยทางศูนย์ควบคุมโรคประเทศเกาหลีใต้ได้มีการแถลงและยืนยันว่าวันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 349 คน ซึ่งจำนวน 320 คนเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ ทำให้ตอนนี้ประเทศเกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 31,353 คน ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณะสุข ได้ออกเตือนว่า ประเทศเกาหลีใต้อาจเดินทางเข้าสู่การระบาดระลอกสาม เนื่องจากประชาชนเริ่มมีการพบปะสังสรรค์ ไปโรงบาลหรือสวนสาธารณะกันมากขึ้น จึงได้มีการเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการป้องกันให้เข้มงวดกว่าเดิม ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศเกาหลีใต้อย่างหนัก โดยร้านอาหารแบบนั่งรับประทานจะเปิดให้บริการไม่เกิน 21.00 น. แต่ยังสามารถซื้อกลับบ้านหรือใช้การขนส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ได้ การจัดงานสำคัญต่าง ๆ เช่น พิธีแต่งงานหรือพิธีศพสามารถจัดได้ แต่ต้องมีเข้าร่วมไม่เกิน 100 คน ส่วนพิธีกรรมทางศาสนาอื่น […]
Hello world!
Welcome to WordPress. This is your first post. Edit or delete it, then start writing!